วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550

ออกเดินทาง

เส้นทางที่จะพาเราไปยังเมืองกาญจนบุรีนั้น มีอยู่หลายเส้นทาง
แต่การเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกใช้เส้นทางรถไฟ ในการเดินทาง
ไปยังจุดหมายปลายทาง นาน ๆ ครั้งที่เราจะได้มีโอกาสนั่งรถไฟ
ทำให้เราได้เห็น การดำรงชีวิตและไมตรีจิตรของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับรถไฟ
ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าพพ่อค้า ที่หอบหิ้วของมาขายบนตัวรถ และยังทำให้เรา
ได้สัมผัสบรรยากาศสองข้างทางที่ลายล้อมไปด้วยธรรมชาติของแต่ละ
จังหวัดที่ทางรถไฟสายนี้ผาดผ่านก่อนจะไปถึงเป้าหมายที่กำหนด
ยังมีเสียงรถไฟที่ดังตลอดการเดินทางทำให้เรารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง








แพริมน้ำ

เราจะเห็นแพริมน้ำที่ลอยอยู่บนแม่น้ำทั้งแควน้อยและแควใหญ่
ซึ่งก็มีให้เลือกอยู่หลากหลายประเภท คอยให้บริการนักท่องเที่ยว
ไม่ว่าจะเป็นแพที่มีไว้พักอาศัย แพร้านอาหาร หรือแพล่องดูธรรมชาติ
เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศแลได้รับชมทัศนียภาพที่สวยงามของ
แม่น้ำแควได้อย่างใกล้ชิด ได้ตามรอยการใช้เส้นทางของคนเมืองกาญฯ
ในสมัยก่อนและได้เรียนรู้สัมผัสกับการดำรงชีวิตของคนริมน้ำแควว่าเป็นเช่นไร

ทางรถไฟสายมรณะ

ทางรถไฟสายมรณะ เมื่อเอ่ยถึงคำนี้แล้ว เป็นที่รู้กันทั่วไป
ว่าจะต้องเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแควที่มีชื่อเสียง
ของจังหวัดกาญจนบุรี สะพานนี้มีประวัติมายาวนาน
ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เล่ากันว่าหมอนรองรถไฟ
ของทางรถไฟสายนี้มีจำนวนเท่า ๆ ผู้ที่ต้องเสียชีวิต
ในการสร้างสะพานนี้ขึ้นมา ทางจังหวัดกาญจนบุรีได้มีการจัด
รถรางให้บริการ ในการเที่ยวชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว
พร้อมทั้งมีไกด์คอยเล่าความเป็นมาพอสังเขปให้เราอีกด้วย

หัวรถไฟไอน้ำ

ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแควไปไม่ไกลมากนักจะมีพิพิธภัณฑ์สงคราม
ที่จัดจะแสดงวัตถุข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่หลงเหลือจากสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อเข้าไปจะพบกับหัวรถไฟไอน้ำตั้งอยู่ด้านหน้า ข้างในรถไฟจะเห็นสภาพ
เมื่อครั้งใช้งาน ต้องใส่ฟืนให้ความร้อนเครื่องจักรถึงจะเดินได้
ภายในพิพิธภัณฑ์เมื่อเข้าไปจะเห็นการจำลองหลุมหลบภัย การลงโทษเฉลยศึก
ในรูปแบบต่าง ๆ การติดต่อสื่อสารกันการคนในสมัยยุคสงคราม
ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษาและจดจำ

น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกที่หนึ่ง
ของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีผู้นิยมไปเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง
ที่นี้จะมีชั้นน้ำตกอยู่ด้วยกัน 7 ชั้นแต่ละชั้นมีความงาม
ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธ์ ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวทอดตัว
ไปบนต้นไม้ใหญ่ ชั้นที่ 7 อันเป็นชั้นบนสุดของน้ำตก
เมื่อน้ำตกไหลบ่าจะมี รูปคล้ายหัวช้างเอราวัณ
จนคนทั่วไปรู้จักและขนานนานว่า น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกไทรโยค

น้ำตกไทรโยค เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมาช้านาน ต้นกำเนิดเป็นน้ำผุดจากภูเขา
แล้วไหลมาตามลำธารเล็กๆ ไหลตกลงที่ผาหินปูนแผ่กระจายไปตาม
พื้นเขาลาดเอียง ภายใต้ร่มเงาของพันธุ์ไม้นานาชนิด ในลำธารมีต้นกก
ขึ้นอยู่กระจัดกระจาย นับเป็นบรรยากาศที่ชวนให้ไปสัมผัสอีกแห่งหนึ่ง
ในฤดูฝนจะมีน้ำตกลงตามหน้าผา ส่วนฤดูแล้งจะ ไม่มีน้ำ แต่บริเวณ
น้ำตกก็ยังคงสภาพธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อน

ยามเย็นริมแคว

ตกเย็นเราจะเห็นแสงแดดรำไรสีทอง ที่ส่องสะท้อนกระทบเหนือผิวแม่น้ำแคว
ทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นดูอบอุ่น สวยงาม เหมาะแก่การเก็บภาพเหล่านี้
ไว้ในความทรงจำ ว่าสถานที่แห่งนี้ที่เรายืนอยู่มีประวัติความเป็นมามากมาย
หลายชีวิตที่ต้องจบลงที่นี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงทุกชีวิตบนโลก
เมื่อวันนี้เรายังอยู่ก็ต้องสู้ต่อแม้จะพบเจอสิ่งร้าย ๆ แต่มันก็จะผ่านพ้นไป
เปรียมเสมือนพระอาทิตย์ถึงวันนี้จะลัดขอบฟ้าหมดแสงไป
แต่วันรุ่งขึ้นเราก็จะเห็นพระอาทิตย์กลับมาให้แสงสว่างสดใสกับเราอีกครั้ง

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550

เที่ยวสุสานทหาร

สถานที่แรกที่เราเข้าไปเยี่ยมชมเมื่อเราถึงเมืองกาญฯ
ภายในสุสานทหาร เมื่อเข้าไปสิ่งแรกที่เราจะเห็นคือ
ไม้กางเขนขนาดใหญ่ ตั้งตระหงาดอยู่กลางสนามหญ้าสีเขียว
รายล้อมด้วยป้ายชื่อหลุมศพของทหารชาวต่างชาติ
ที่เสียชีวิตในเหตุการสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยที่ทางจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการทำนุบำรุงดูแล
ให้สถานที่นี้มีความสวยงาม จัดตกแต่งด้วยดอกไม้
สีสันสวยงามเรายังคงเห็นชาวต่างชาติ
ซึ่งมาทำความเคารพกับศพบรรพบุรุษของเขาอีกด้วย...